นีล เลนนอน ผู้จัดการทีมเซลว่ากล่าวก ชมรมยักษ์ใหญ่แห่งศึกสกอตว่ากล่าวช พรีเมียร์ชิพ ประกาศล่ำลาตำแหน่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยส่งผลอย่างเป็นทางการทันที
ซึ่งเหตุการณ์ในช่วงฤดูกาลนี้ เซลว่ากล่าวกได้โอกาสสูงที่จะแห้วแชมป์ ข้างหลังตาม เรนเจอร์ส ภายใต้การควบคุมกลุ่มของ สตีเวเน พบร์ราร์ด ไปแล้วถึง 18 คะแนน จากการลงเตะ 30 นัดเสมอกัน
ดังนี้ เซลว่ากล่าวก ได้แต่ง จอห์น เคนเนดี ผู้ช่วยผู้จัดการทีมขึ้นมาปฏิบัติภารกิจรักษาการชั่วคราวไปก่อน
ทำเอาแฟนคลับในโลกโซเชียลตาพองอีกแล้วสำหรับ จอร์จิน่า โรดริเกวซ เมียสาวคนงามของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวยิงตัวเก่งของ “ม้าลาย” ยูเวนตุๆส ชมรมดังแห่งศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี
เมื่อปัจจุบันเธอรับงานถ่ายแบบให้กับ “อินสไตล์” (InStyle) วารสารมีชื่อเสียงของประเทศสเปน แต่ที่พิเศษกว่านั้นก็ซึ่งมันไม่ใช่การถ่ายแบบเหมือนเช่นเคย แต่มันเป็นการถ่ายนู้ดทีแรกของเธอนั่นเอง
มันยังไม่ใช่แค่นี้ ดารานางแบบสาววัย 27 ปี ยังใจดีเผยภาพเบื้องหลังให้แฟนคลับได้มองเห็นกัน โดยเธออยู่ในภาวะแก้ผ้าแก้ผ่อนมีเพียงแต่กระเป๋าใบใหญ่ปกปิดหัวใจสำคัญเอาไว้แค่นั้น ก่อนโพสต์ลงในอินสตามึงรม งานนี้ทำให้แฟนคลับกดหัวหัวใจรัวๆให้เธอมากยิ่งกว่า 2.7 ล้านครั้ง
ในเวลาเดียวกันนี้เธอยังเผยเรื่องราวผ่านวารสารเกี่ยวกับชีวิตของเธอเองที่ร่วมกับผัวบริจาคเงินเพื่อการกุศล รวมทั้งออกงานหาทุนช่วยเหลือการกุศลเยอะมากมาอย่างสม่ำเสมอ “เดี๋ยวนี้ฉันสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกพอใจมากมายๆฉันเห็นอกเห็นใจผู้คนมากมายเนื่องด้วยแหล่งกำเนิดของฉันก็เริ่มจากความยากจนข้นแค้น”
“ฉันทำงานหนัก รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อทุกคน รวมทั้งมันก็ให้ผลทดแทนฉันด้วยสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั่นก็คือการแต่งงานที่ดีเลิศ” จอร์จิน่า ให้สัมภาษณ์
สำหรับเรื่องราวของ จอร์จิน่า โรดริเกวซ ถือว่าไม่ได้สบายอย่างที่หลายท่านรู้เรื่องเพราะย้อนไปในวัยเด็กเธอจำเป็นต้องดำรงชีวิตด้วยความลำบาก เป็นเด็กเสิร์ฟในห้องอาหาร, รับเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่ได้ค่าแรงงาน 9.50 ปอนด์ (ประมาณ 360 บาท) /ชั่วโมง ก่อนที่จะย้ายไปทำงานในฐานะผู้ช่วยฝ่ายขายของร้านค้ากุชชี่ ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน จนทำให้เจอกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ท้ายที่สุด
“ยูงทอง” ลีดส์ ยูไนเต็ด ระเบิดฟอร์มยอดเยี่ยม เปิดบ้านกระหน่ำ “นักบุญ” เซาแธมป์ตัน ขาดลอย 3-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
การประลองฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดู 2020-21 ทุกวันวันอังคารที่ 23 ก.พ. 64 มีแข่งขัน 1 คู่ “ยูงทอง” ลีดส์ ยูไนเต็ด ชั้น 12 ของตาราง เปิดสนามเอลแลนด์ โรด รับการมาเยือนของ “นักบุญ” เซาแธมป์ตัน ชั้น 14 ของตารางเริ่มครึ่งแรกทั้งคู่กลุ่มเปิดเกมแลกเปลี่ยนกันอย่างเบิกบาน แต่ว่าสุดท้ายยังหาจังหวะเข้าไปทำคะแนนกันไม่ได้ ทำให้จบครึ่งแรก ลีดส์ ยูไนเต็ด ยังเสมอ เซาแธมป์ตัน อยู่ 0-0
กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง นาทีที่ 47 ลีดส์ ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ ไทเลอร์ โรเบิร์ตส์ จ่ายบอลทะลุเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายให้ แพตทริก กางมฟอร์ด ซัดด้วยซ้าย บอลพุ่งทิ่มเสาไกลเข้าไปอย่างสวยงามแล้วนาทีที่ 78 ลีดส์ หนีเป็น 2-0 จากจังหวะตอบโต้กลับขึ้นมาทางฝั่งขวา เอลแดร์ คอสตา พาบอลเลี้ยงตัดเข้าในก่อนจ่ายถึงแม้ว่าจะ สจ๊วร์ต ดัลลัส สัมผัสบอลเข้าเขตโทษแล้วดีดด้วยซ้ายทิ่มมุมเข้าไปอย่างสุดงาม
ถึงนาทีที่ 84 ลีดส์ ได้ฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษ แล้วก็เป็น ราฟินญา ปั่นด้วยซ้าย บอลโค้งทิ่มเสาเข้าไปแบบสวยหยด
ช่วงเวลาที่เหลือทั้งคู่กลุ่มทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกม ลีดส์ ยูไนเต็ด เอาชนะ เซาแธมป์ตัน ไป 3-0 เก็บเพิ่มเป็น 25 คะแนน ขึ้นมาอยู่ชั้น 10 ของตาราง
มีกล่าวว่าสมาพันธ์ แอสตัน วิลลา กลุ่มใในศึก พรีเมียร์ลีก ได้สั่งห้ามนักเตะรวมทั้งคณะทำงานเล่นเกม “แฟนตาซี พรีเมียร์ลีก” หลังจากเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นเมื่ออาทิตย์ก่อน
รายงานระบุว่า สาหตุที่กลุ่ม ราชสีห์ลำพอง ไม่ชอบใจอย่างมากเนื่องมาจากข้อมูลเรื่องการบาดเจ็บของ แจ็ค กรีลิช เพลย์เมคเกอร์ตัวเก่งของกลุ่มหลุดออกไปข้างนอก ซึ่งบางครั้งอาจจะมาจากห้องแต่งตัวโดยมิได้ตั้งอกตั้งใจ
เดลีเมล เผยออกมาว่า มีนักเตะรวมทั้งคณะทำงานของ วิลลา คนไม่ใช่น้อยที่เล่นเกมนี้รวมทั้งพวกเขาได้เอาชื่อของ กรีลิช ออกจากกลุ่มแฟนตาซีของตัวเอง ก่อนเกมที่จะเจอกับ เลสเตอร์ สิตี้ จะเริ่มขึ้น เนื่องด้วยรู้ดีว่าสตาร์รายนี้จะมิได้ลงในสนาม
โดยมีกล่าวว่าข้างหลังจบเกมที่พ่ายแพ้แก่ เดอะฟ็อกซ์ ด้วยสกอร์ 2-1 ว่า ดีน สมิธ ผู้จัดการทีมฟุตบอลได้แสดงความไม่พึงพอใจเป็นอย่างมากในเรื่องนี้ รวมทั้งประกาศว่าเขาต้องจัดแจงอะไรซักอย่างเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ซึ่งในเวลาถัดมา ทางสมาพันธ์ก็ได้จัดแจงแบนเกม แฟนตาซี พรีเมียร์ลีก โดยห้ามทุกคนในสมาพันธ์มีส่วนเกี่ยวข้องกับเกมนี้โดยเด็ดขาด
บาเยิร์น มิวนิค ได้โอกาสสูงสำหรับเพื่อการผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หลังบุกชนะ ลาสิโอ ได้ขาดลอย 4-1
การเเข่งขันบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2020-2021 รอบ 16 กลุ่มนัดแรก เป็นการเจอกันระหว่าง ลาสิโอ เปิดรังเหย้า สตาดิโอ โอลิมปิโก ต้อนรับการมาเยือนของ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค
สิโมเน อินซากี้ ที่ปรึกษาเจ้าบ้าน เลือกจัดกองทัพมาในระบบ 3-5-2 ฝากความมุ่งหวังในแนวรุกไว้ที่คู่แผงหน้าอย่าง ชิโร อิมโมบิเล ซึ่งติดต่อประสานงานร่วมกับ ฆัวกิน คอร์เรอา
ด้าน”เสือใต้”กลุ่มเยือนของ ฮันซี ฟลิค วางหมากมาในแผน 4-2-3-1 ใช้หน้าเป้าเป็น โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ทำเกมรุกร่วมกับ เลรอย ซาเน, จามาล มูเซียลา และก็ คิงส์ลีย์ โกมาน
ผลที่ตามมา บาเยิร์น มิวนิค ดีกรีแชมป์เก่า บุกมากระหน่ำ ลาสิโอ 4-1 โดย ได้ประตูจาก โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี นาทีที่ 9, จามาล มูเซียลา นาทีที่ 24, เลรอย ซาเน นาทีที่ 42 และก็ ฟรานเซสโก อเคอร์บี ผู้เล่นของลาสิโอทำเข้าประตูตัวเอง ในนาทีที่ 47
ส่วน ลาสิโอ ได้จาก โจอาคิน กอร์เรอา นาทีที่ 49
นำมาซึ่งการทำให้ บาเยิร์น ได้โอกาสเข้ารอบ 8 กลุ่มในที่สุดสูงลิบตา โดยนัดหมายที่ 2 จะกลับไปเล่นที่ อัลลิอันซ์ อารีนา รังเหย้าของเสือใต้ในวันที่ 17 มี.ค. นี้
เชลซี เอาชนะ แอตเลติเตียนโก มาดริด ไปได้ 0-1 โดยได้ประตูชัยจาก โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ในนาทีที่ 67 ทำให้จบเกม สิงห์บลู เอาชนะไปได้ก่อนในนัดแรก จับการได้เปรียบก่อนกลับไปดวลกันที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ กลางเดือนมีนาคมที่จะถึง
เริ่มเกมในครึ่งเวลาแรกทั้งคู่ทีมเพียรพยายามเปิดเกมบุกเข้าใส่กันอย่างสนุก แต่ยังคงทำได้เพียงแค่หวาดเสียวเท่านั้นในตอน 15 นาทีแรก
จากนั้นเป็น เชลซี ที่ครอบครองบอลบุกได้มากขึ้น และก็ได้โอกาสได้จบจากลูกยิงไกล อลอนโซ แต่ยังไปติดเซฟของ โอบลัค ในนาทีที่ 25
นาทีที่ 38 สิงห์บลู มีลุ้นใกล้เคียงอีกครั้งจากจังหวะได้ยิงในกรอบจุดโทษของ แวร์เนอร์ แต่ยังคงไปติดเซฟของ โอบลัค อีกครั้ง
นาทีที่ 41 แอตฯ มาดริด มีลุ้นจากจังหวะชาร์จจ่อๆของ ซัวเรซ แต่ รือดิเกอร์ ยังตามมาบล็อคลูกยิงเอาไว้ได้ทัน
ทำให้จบ 45 นาทีแรก ยังเท่ากันแบบไร้สกอร์ 0-0
เริ่มครึ่งเวลาข้างหลังยังคงเป็น เชลซี ที่ครอบครองบอกได้มากกว่า ส่วน แอตฯ มาดริด ยังคงย้ำตั้งรับและก็คอยโอกาสสำหรับในการสวนกลับ
นาทีที่ 57 ยี่ห้อหมี ได้โอกาสได้จบจากจังหวะตีลังกายิงของ ฟิลิกซ์ แต่บอลบินผ่านคานออกไป
ต่อจากนั้น แอตเลติเตียนโก เพียรพยายามเปิดเกมบุกมากเพิ่มขึ้นเพื่อหวังเอาประตูคืนแต่ยังแทบจะหาจังหวะเจาะเข้าพื้นที่อันตรายไม่ได้
นาทีที่ 83 สิงโตสีน้ำเงินคราม สบโอกาสจบอีกครั้งจากจังหวะหลุดขึ้นมาทางด้านขวาของ แวร์เนอร์ ก่อนจะซัดมุมแคบไปติดเซฟของ โอบลัค อีกครั้ง
ด้านหลังเกม กองทัพยี่ห้อหมี เพียรพยายามครอบครองบอลบุกเข้าใส่อย่างมาก แต่ก็ยังไม่อาจจะเจาะแผงหลังของ สิงห์บลู ได้
จนกระทั่งจบ 90 นาที่ เชลซี เอาชนะ แอตเลติเตียนโก มาดริด ไปได้เสร็จ 0-1
รายนามนักฟุตบอลที่ลงสนามตัวจริง
แอตเลติเตียนโก มาดริด : ยาน โอบลัค – มาร์กอส ยอเรนเต้, สเตฟาน ซาวิช, เฟลิเป้, มาริโอ เอร์โมโซ่ (วิโตโล่ น.84) – อังเคล กอร์เรอา (มุสซ่า เดมเบเล่ น.82), โกเก้, ซาอูล ญีเกซ (ลูคัส โคนร์เรร่า น.82), โตมาส์ เลอมาร์ – ยกเอา เฟลิกซ์ (เรนาน โลดี้ น.82), หฝ่าส์ ซัวเรซ
เชลซี : เอดูอาร์ เมนดี้ – เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า, อันเดรียส คริสเตนบวงสรวง, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, มาร์กอส อลอนโซ่ – เมสัน เม้าน์ท (เอ็นโกโล่ ก็องเต้ น.74), มาเตโอ โควาสิช (ฮาคิม ซีเย็ค น.74), จอร์จินโญ่ – คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย (รีซ เจมส์ น.80), ติเตียนโม แวร์เนอร์ (คริสเตียน พูลิสิช น.87), โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (ไค ฮาแวร์ตซ์ น.87)
ลีดส์ ยูไนเต็ด กลับมาคืนฟอร์มเก่งอีกครั้งภายหลังจากแพ้มาตลอด 2 นัดหมายหลังสุดด้วยการเปิดบ้านกระหน่ำ เซาธ์แธมป์ตัน 3-0
การประลองฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดู 2020-21 ระหว่าง “ยูงทองคำ” ลีดส์ ยูไนเต็ด ชั้น 12 ของตาราง เปิดสนามเอลแลนด์ โรด รับการมาเยี่ยมของ “นักบุญ” เซาแธมป์ตัน ชั้น 14 ของตาราง
ผลที่ตามมา ครึ่งแรกทั้งคู่กลุ่มเปิดเกมแลกเปลี่ยนกันอย่างเบิกบาน แต่ในที่สุดยังหาจังหวะเข้าไปทำแต้มกันไม่ได้ ทำให้จบครึ่งแรก ลีดส์ ยูไนเต็ด ยังเสมอ เซาแธมป์ตัน อยู่ 0-0
ช่วงหลัง นาทีที่ 47 ลีดส์ ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ ไทเลอร์ โรเบิร์ตส์ จ่ายบอลทะลุเข้าจุดโทษฝั่งซ้ายให้ แพตทริก กางมฟอร์ด ซัดด้วยซ้าย บอลพุ่งเสียบเสาไกลเข้าไปอย่างสวยงาม
แล้วหลังจากนั้นนาทีที่ 78 ลีดส์ หนีเป็น 2-0 จากจังหวะโต้กลับขึ้นมาทางฝั่งขวา เอลแดร์ คอสตา พาบอลเลี้ยงตัดเข้าในก่อนจ่ายต่อให้ สจ๊วร์ต ดัลลัส แตะบอลเข้าจุดโทษแล้วดีดด้วยซ้ายเสียบมุมเข้าไปอย่างสุดงาม
โยชัว คิมมิช แปลงเป็นนักเตะที่ชนะในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้มากที่สุดจากการลงเล่น 50 ครั้งแรก โดยชั้น 2 คือ โธมัส มุลเลอร์ กับ ค้างเซมิโร่
โยชัว คิมมิช ดาวเตะ บาเยิร์น มิวนิค ยอดสมาคมที่เวที บุนเดสลีกา เยอรมัน สร้างสถิติเป็นนักเตะที่ชนะเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้มากที่สุดในตอน 50 เกมแรก ภายหลังที่เขาเก็บชัยได้ถึง 38 นัดหมายร่วมกัน
เกมรอบ 16 ทีมในที่สุด ครั้งแรก ที่ บาเยิร์น คว้าชัยเหนือ ลาสิโอ 4-1 เมื่อวันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นการลงในสนามในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดหมายที่ 50 ของดาวเตะวัย 26 ปีพอดิบพอดี ส่วนเจ้าของสถิติเดิมในด้านนี้คือ โธมัส มุลเลอร์ เพื่อนร่วมทีมของ คิมมิช กับ ค้างเซมิโร่ มิดฟิลด์ เรอัล มาดริด หลังจากทั้งสองทำเอาไว้ที่ 36 เกม
ทั้งนี้ เกมแรกในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ของ คิมมิช เกิดขึ้นในรอบแบ่งกลุ่มของฤดูกาล 2015-16 โดยวันนั้นเขาลงเป็นตัวสำรองในตอน 15 นาทีในที่สุดของเกมที่ บาเยิร์น ชนะ โอลิมแฉะอส 3-0 เมื่อตอนกันยายน ปี 2015 ซึ่งตลอดตอน 50 นัดหมายก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาเขาทำเป็น 10 ประตู แล้วก็แพ้ไปแค่เพียง 5 ครั้งเพียงแค่นั้น
5 ลำดับแรกที่ชนะเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก สูงที่สุดในตอน 50 ครั้งแรกที่ลงเล่น
1. โยชัว คิมมิช 38 เกม
2. โธมัส มุลเลอร์ 36 เกม
– ค้างเซมิโร่ 36 เกม
4. มาร์ค-อันเดร แทร์ ชเตเก้น 35 เกม
– ดาเนี่ยล การ์บาฆาล 35 เกม
– อีสเก๋ 35 เกม
– มาร์เซโล่ 35 เกม
โธมัส ทูเคิ่ล นายใหหญ่ “สิงห์บลูส์” ยังคงเดินหน้ารักษาสถิติไม่มีพ่ายนับจากเข้ามาคุมทีมหลังได้ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ซัดประตูสุดงามพาทีมเชือด “ยี่ห้อหมี” 1-0 กุมความได้เปรียบก่อนดวลกันนัดหมายวินิจฉัยวันที่ 17 มีนาคม นี้ ในศึกบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (รอบ 16 ทีมท้ายที่สุด ครั้งแรก) คืนวันอังคารที่ผ่านมา
สนาม : อารีน่า ทุ่งนาตำหนิโอนาล่า, บูติดอยู่เรสต์ (สนามกลาง)
ดีเอโก้ สิเมโอเน่ เทรนเนอร์ แอตเลตำหนิโก มาดริด หัวหน้าฝูงลา ลีกา พาทีมมาเล่นรอบนี้ด้วยการด้อยกว่าแชมป์กรุ๊ป เอ ก่อนแพ้เลบันเต้ 0-2 ในเกมลีกปัจจุบัน เป็นการแพ้ครั้งแรกในรอบ 8 เกม
ส่วนทาง โธมัส ทูเคิ่ล นายใหญ่ เชลซี ซึ่งเข้ามารับงานต่อจากแฟร้งค์ แลมพาร์ด อดีตผู้จัดการทีมผู้พาทีมมาเล่นรอบนี้ด้วยการเป็นแชมป์กรุ๊ป อี ก่อนที่เทรนเนอร์เยอรมันจะพาทีมเสมอเซาธ์หมูแฮมป์ตัน 1-1 ในเกมลีกปัจจุบัน ทำให้ไม่แพ้มา 6 เกมแล้วตั้งแต่เข้ามารับงาน
เปิดฉากได้เพียงแต่ 2 นาที เชลซี หวิดงานเข้าจากความประมาทและขาดความระมัดระวังของ เอดูอาร์ เมนดี้ จับบอลยาวโดน ซาอูล ญีเกซ สอดมาฉกดวงไม่ดีแตะต้องยาวตามเล่นไม่ทันท้ายที่สุดหลุดออกหลังไป
ถัดมานาทีที่ 10 เป็น “ยี่ห้อหมี” ฝ่าต่อเนื่องจากบอลทางฝั่งขวาของ ยกเอา เฟลิกซ์ ดึงจัวหวะตักห้อยไปเสาไกลเกือบจะถึง อังเคล กอร์เรอา แต่ว่ายังไม่ผ่าน มาร์กอส อลอนโซ่ ตามมาสกัดทิ้งได้ทัน
4 นาทีถัดมา แอต.มาดริด พลาดโอกาสทองคำจากควาผิดพลาดของแนวรับ เชลซี เสียเหลี่ยมโดน หฝ่าส์ ซัวเรซ ฉกบอลพาเข้าเขตโทษก่อนแทงไปเสาถึง โตมาส์ เลอมาร์ สอดมาทิ้งตัวชาร์จแต่ว่าไม่ทันหลุดออกหลังไป
นาทีถัดมา “สิงห์บลูส์” แลกหมัดทันทีทันใดจากจังหวะเปิดทาขวาของ เมสัน เม้าน์ท บอลแรงเลย ตำหนิโม แวร์เนอร์ ที่สอดมาเสาแรกผ่านหน้าประตูหลุดออกข้าง
ครึ่งทางผ่านเปลี่ยนเป็น เชลซี ทำเป็นดีมากยิ่งกว่าคราวนี้จากจังหวะชิ่งสุดสวยบอลหลุดมาหน้าเขตโทษฝั่งซ้ายเข้าทาง มาร์กอส อลอนโซ่ ตวัดตามน้ำเรียดกระเด้งพื้นเข้ามือ ยาน โอบลัค ล้มตัวรับไม่พลาด
นาทีที่ 39 จากความรู้ความเข้าใจส่วนตัวของ ตำหนิโม แวร์เนอร์ พาบอลฉุดกระชากหนี สเตฟาน ซาวิช หลุดเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายก่อนซัดยัดเสาแรกไปติดเซฟ ยาน โอบลัค ตบทิ้งออกมาเฉียด
นาทีถัดมา “ยี่ห้อหมี” สวนกลับเร็วเป็น อังเคล กอร์เรอา หลุดขึ้นมาทางด้านขวาก่อนได้โอกาสดีดเข้าในให้ หฝ่าส์ ซัวเรซ ได้ทิ้งตัวซัดแต่ว่าหลักไม่ดียิงไม่โดนบอลพลาดโอกาสสำคัญอย่างโชคร้าย
หมดครึ่งเวลาแรก แอตเลตำหนิโก มาดริด 0 เชลซี 0
นาทีที่ 55 เชลซี เพียรพยายามเร่งเครื่องคราวนี้เป็น คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย พาบอลลากตัดเข้าในก่อนก้มหัวซัดด้วยซ้ายไปไถลบล็อคแนวรับ “ยี่ห้อหมี” ห้อยเข้ามือ ยาน โอบลัค
3 นาทีถัดมาจากความบกพร่องของแนวรับ เชลซี กระแทกบอลไม่ดีเปลี่ยนเป็นตั้งให้ ยกเอา เฟลิกซ์ ลอยตัวรถจักรยานอากาศในกรอบเขตโทษแต่ว่าโดนไม่ดีบินผ่านคานออกไปไกล
แต่ว่าแล้วนาทีที่ 69 “สิงห์บลูส์” ทะยานออกนำจากลูกครอสทางซ้ายของ มาร์กอส อลอนโซ่ บอลอลเวงท้ายที่สุดไปโดน มาริโอ เอร์โมโซ่ ลอยโด่งเข้าทาง โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ทิ้งตัวรถจักรยานอากาศด้วยซ้ายกระเด้งพื้นผ่านมือ ยาน โอบลัค ซุกก้นตาข่ายงามหยด
จากจังหวะนี้มีธงล้ำหน้าชูตามขึ้นมา เฟลิกซ์ ไบรช์ ผู้ตัดสินใช้เวลาฟังสัญญาณ วีเออาร์ อยู่นานก่อนเป่ารับรองให้เป็นประตูขึ้นนำ เชลซี
ต่อจากนั้นไม่มีสกอร์เพิ่ม จบเกม แอตเลตำหนิโก มาดริด 0 เชลซี 1
รายชื่อนักฟุตบอลที่ลงสู่สนามตัวจริง
แอตเลตำหนิโก มาดริด (4-4-2) : ยาน โอบลัค – มาร์กอส ยอเรนเต้, สเตฟาน ซาวิช, เฟลิเป้, มาริโอ เอร์โมโซ่ (วิโตโล่ น.84) – อังเคล กอร์เรอา (มุสซ่า เดมเบเล่ น.82), โกเก้, ซาอูล ญีเกซ (ลูคัส โคนร์เรร่า น.82), โตมาส์ เลอมาร์ – ยกเอา เฟลิกซ์ (เรนาน โลดี้ น.82), หฝ่าส์ ซัวเรซ
เทรนเนอร์ : ดีเอโก้ สิเมโอเน่
เชลซี (4-3-3) : เอดูอาร์ เมนดี้ – เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า, อันเดรียส คริสเตนบวงสรวง, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, มาร์กอส อลอนโซ่ – เมสัน เม้าน์ท (เอ็นโกโล่ ก็องเต้ น.74), มาเตโอ โควาสิช (ฮาคิม ซีเย็ค น.74), จอร์จินโญ่ – คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย (รีซ เจมส์ น.80), ตำหนิโม แวร์เนอร์ (คริสเตียน พูลิสิช น.87), โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ (ไค ฮาแวร์ตซ์ น.87)
เทรนเนอร์ : โธมัส ทูเคิ่ล
ผู้ตัดสิน : เฟลิกซ์ ไบรช์ (เยอรมัน)
ยูเลียน ทุ่งนาเกลส์มันน์ กุนซือชายหนุ่มของเครื่องปรับอากาศเบ ไลป์ซิก รองผู้นำฝูงบุนเดสลีกา ชูให้หงส์แดงของ เยอร์เกน คล็อปป์ ยังเป็นกลุ่มที่เหนือกว่ากลุ่มตัวเอง ถึงแม้ผลงานจะแตกต่างชัดแจ้งในพักหลัง สำหรับในการแถลงข่าวก่อนเกมยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบ 16 กลุ่มสุดท้าย เลกแรก คืนวันที่ 16 กุมภาพันธ์ นี้
“เราอยู่ในช่วงที่มีผลงานดี ในตอนที่หงส์แดงไม่ชนะถึง 5 นัดจาก 7 เกมหลังสุด แม้กระนั้นพวกเขายังเหนือกว่าเล็กน้อย เมื่อดูจากประสบการณ์ในเกมระดับทวีป”
“แม้กระนั้นเราเองก็พัฒนาขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด และบ่งบอกถึงแล้วเหมือนกันว่าเราสามารถสู้กับกลุ่มระดับนี้ได้ ทั้งเมื่อปีที่ผ่านมาและฤดูกาลนี้ ซึ่งเราอยู่ในกรุ๊ปที่แข็งมากมาย (กรุงปารีส แซงต์-แชร์กแมง, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, อิสตันบูล บาซัคเซฮีร์)”
สำหรับศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก รอบ 16 กลุ่ม เลกแรก จะมีที่ปุสกัส อารีทุ่งนา สนามกลางในประเทศฮังการี ด้วยเหตุว่าเยอรมนีมีมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ด้วยการงดเที่ยวบินจากอังกฤษเข้าประเทศ
